ครูนิภา
วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555
การวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กนักเรียนชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง
การวิจัยในชั้นเรียน
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโนนเมือง
การวิจัยเรื่อง การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กนักเรียนชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง
การวิจัยชั้นเรียนโดย นางนิภา เติบโต ผู้ช่วยผู้ดูแลเด็กอนุบาลและปฐมวัย
ปัญหาการวิจัย
เด็กนักเรียนชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง
เด็กนักเรียนชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง
สาเหตุ/ความสำคัญของปัญหาของการวิจัย
เด็กหญิงขวัญจิรา โหมสันเทียะ เด็กหญิงเขมจิรา โหมสันเทียะ มีพฤติกรรมชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง แทนการกินขนมที่มีประโยชน์
วัตถุประสงค์การวิจัย
เพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมการชอบเคี้ยวหมากฝรั่งของเด็กหญิงขวัญจิรา โหมสันเทียะ เด็กหญิงเขมจิรา โหมสันเทียะ
วิธีดำเนินการ/วิธีการแก้ไข
1. สนทนากับเด็กถึงประโยชน์การรับประทานอาหารต่างๆ
2. สนทนาถึงโทษของการเคี้ยวหมากฝรั่ง
3. มีข้อตกลงกับเด็ก ถ้าชื้อหมากฝรั่งครูจะยึดไปทิ้งขยะไม่ให้รับประทาน
เครื่องมือการวิจัย
1. การสังเกต
2. บันทึกรายบุคคล
ระยะการดำเนินงาน
1. วางแผนวิจัย 1 วัน
2. ดำเนินวิจัยเก็บข้อมูล 7 วัน
3. วิเคราะห์ข้อมูล 1 วัน
4. สรุปเขียนรายงาน 1วัน
ผลการวิจัย
เด็กหญิงขวัญจิรา โหมสันเทียะ เด็กหญิงเขมจิรา โหมสันเทียะ ไม่ชื้อหมากฝรั่งมาเคี้ยวอีก แต่ชื้อขนมที่มีประโยชน์และรับประทานข้าวมากขึ้น
วิจัยชั้นเรียน เรื่อง การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กติดขวดนม
การวิจัยในชั้นเรียน
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ้านโนนเมือง
ชื่อผู้วิจัย นางนิภา เติบโต ผู้ช่วยผู้ดูแลเด็กอนุบาลและปฐมวัย
การวิจัยเรื่อง การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กติดขวดนม
สาเหตุ
เด็กชายธีรพล แก้วกลางดอน และ เด็กหญิงวันวิสา ม่วงม่าย มีพฤติกรรมชอบดูดขวดนมในขณะนอนพักผ่อนเวลากลางวันทุกวัน
เด็กชายธีรพล แก้วกลางดอน และ เด็กหญิงวันวิสา ม่วงม่าย มีพฤติกรรมชอบดูดขวดนมในขณะนอนพักผ่อนเวลากลางวันทุกวัน
วัตถุประสงค์การวิจัย
เพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมการดูดขวดนมในขณะนอนพักผ่อนกลางวันของเด็กชายธีรพล แก้วกลางดอน และ เด็กหญิงวันวิสา ม่วงม่าย
วิธีการดำเนินการ/วิธีการแก้ไข
1. ครูชักชวนให้เด็กเลิกดูดนมจากขวดโดยให้เด็กดื่มนมจากหลอดแทน
2. ครูเล่านิทาน เรื่อง “น้องหมีดูดขวดนม”
3. ครูสนทนาเกี่ยวกับโทษของการดูดขวดนมว่าทำให้ฟันเหยินไม่สวย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. การจดบันทึกเป็นรายบุคคล
2. การสังเกต
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
1. วางแผนการวิจัย 1 วัน
2. การวิจัยและการเก็บข้อมูล 1 เดือน
3. สรุปผลและเขียนบรรยาย 1วัน
ผลการวิจัย
เด็กชายธีรพล แก้วกลางดอน และ เด็กหญิงวันวิสา ม่วงม่าย มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เลิกพฤติกรรมติดขวดนมเวลานอนพักผ่อน หันมาดื่มนมจากหลอดแทนการดูดจากขวด
ใบสมัครศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค
แบบตอบรับเข้าร่วมโครงการ“ ศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค ”
| |
ทางศูนย์เด็กเล็กได้ทราบรายละเอียดของการดำเนินงานตามโครงการฯ และมีความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ จึงขอแจ้งข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการดังนี้
ชื่อศูนย์เด็กเล็ก ....................................................................................................................................................
ที่ตั้ง เลขที่...................................... ถนน............................................. ตำบล.....................................................
อำเภอ..................................... จังหวัด......................................... รหัสไปรษณีย์........................................
สังกัด....................................................................................................................................................................
ผู้บริหารหน่วยงานต้นสังกัดศูนย์เด็กเล็ก
นาย นาง นางสาว.......................................................................ตำแหน่ง...........................................
โทรศัพท์ .............................................. มือถือ .............................................โทรสาร..........................................
หัวหน้าศูนย์เด็กเล็ก
นาย นาง นางสาว.......................................................................ตำแหน่ง...........................................
โทรศัพท์ .............................................. มือถือ .............................................โทรสาร..........................................
จำนวนครู/ผู้ดูแลเด็ก
จำนวนครู/ผู้ดูแลเด็ก..............................คน
จำนวนเด็ก
จำนวนเด็กที่ศูนย์กำหนดรับ..............................คนจำนวนที่ศูนย์รับจริง... ..............................คน
ได้รับไม่ครบ ยังขาด ..............................................................................................
อื่นๆ .......................................................................................................................
ลงชื่อ......................................................................
(......................................................................)
ตำแหน่ง...................................................
โทรศัพท์ ..............................................
ส่งใบสมัครที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 1-12
หรือ ที่สำนักโรคติดต่อทั่วไป อาครา 5 ชั้น 6 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ซ.บำราศนราดูร ถ.ติวานนท์ อ.เมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 02-5903180 โทรสาร 02-9510918
|
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กปฐมวัย
จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กปฐมวัย
นักการศึกษาและนักจิตวิทยาพัฒนาการต่างเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัย คือต้องจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับพัฒนาการและธรรมชาติของเด็ก ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ระยะปฐมวัยเป็นวัยเริ่มเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว สนใจ อยากรู้ อยากเห็น มีการเลียนแบบผู้ใหญ่ พัฒนาการทางสติปัญญายังไม่เจริญเท่าที่ควร เด็กยังไม่สามารถศึกษาเหตุผลได้ สิ่งที่แสดงออกมามักเกิดจากการรับรู้และจดจำเลียนแบบผู้อื่น ลักษณะที่เด่นชัดของวัยนี้ คือ ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง (Ego - centric)
นักการศึกษาและนักจิตวิทยาพัฒนาการยิ่งตระหนักถึงธรรมชาติของเด็กและเน้นการส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติ โดยการจัดประสบการณ์และกิจกรรมที่เหมาะสมแก่เด็ก ดังนี้
นักการศึกษาและนักจิตวิทยาพัฒนาการยิ่งตระหนักถึงธรรมชาติของเด็กและเน้นการส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติ โดยการจัดประสบการณ์และกิจกรรมที่เหมาะสมแก่เด็ก ดังนี้
เปสตาลอสซี (Pestalozzi) ได้ให้แนวคิดว่า การสอนเด็กเล็กต้องคำนึงถึงพัฒนาการของเด็ก ตลอดจนความแตกต่างระหว่างบุคคล เขาเป็นผู้ริเริ่มคิดเรื่องความพร้อมและไม่บังคับให้เด็กเรียนแบบท่องจำ แต่ให้เรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ทางวัตถุหรือรูปธรรมที่ทำให้เด็กได้สังเกตและเข้าใจจากการเห็นด้วยสายตา สัมผัสจับต้องและรู้สึก เขาเชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในด้านความสนใจ ความต้องการ และอัตราในการเรียนรู้
เฟรอเบล (Froebel) มีแนวคิดว่า การเล่นเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ของเด็กเล็ก เขามีความเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความสามารถอยู่ภายใน และจะแสดงออกเมื่อได้รับการส่งเสริม และสนับสนุนด้วยการเล่นกิจกรรมต่าง ๆ เขาจึงประดิษฐ์ของเล่นสำหรับเด็กและเสนอกิจกรรมการเล่นที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็ก
มอนเตสเซอรี่ (Montessori) เป็นผู้นำความคิดของเฟรอเบลมาปรับปรุง และเสนอการสอนสำหรับเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมการเล่น โดยเชื่อว่าการสอนเด็กเล็กนั้นจะต้องคำนึงถึงเสรีภาพ และความต้องการของเด็กเป็นสำคัญ มีความเห็นสอดคล้องกับ ดิวอี้ (John Dewey) ซึ่งมีความเห็นว่าควรให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองมากที่สุด (Learning by Doing) โดยคำนึงถึงความพร้อม ความแตกต่างระหว่างบุคคลและความสนใจของเด็กเป็นพื้นฐาน
เพียเจต์ (Piaget) ได้ให้แนวคิดว่า ในการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย ครูจำเป็นต้องให้อิสระเสรีในการอยู่ร่วมกับเด็ก ในลักษณะที่ให้เด็กกล้าแสดงออก กล้าซักถาม ส่งเสริมให้เด็กกระตือรือร้น และส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ในลักษณะแข่งขันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยอมรับซึ่งกันและกัน ในกระบวนการเรียนการสอนที่ครูจัด สิ่งแวดล้อมให้เด็กได้มีการกระทำในกิจกรรม สิ่งสำคัญใช้กิจกรรมการเล่นเป็นสื่อการสอน เพราะการเล่นเป็นวิธียั่วยุให้เด็กเกิดความสนใจความกระตือรือร้น อยากเรียนอยากรู้
อีริคสัน (Erikson) เน้นความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูเด็กที่ถูกทางและยอมรับความสำคัญของวัยเด็กเล็ก ซึ่งเป็นวัยสำคัญที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาทางด้านอารมณ์ แรงจูงใจอันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการพัฒนาบุคลิกภาพ
กีเซล (ฉวีวรรณ จึงเจริญ. 2528 : 7 - 12 ; อ้างอิงมาจาก Gesell.n.d.) เน้นเรื่องวุฒิภาวะ (Maturity) เขาเชื่อว่าพฤติกรรมของเด็กนั้นเป็นไปตามแบบแผนลำดับขั้นแห่งพัฒนาการ จะข้ามขั้นไม่ได้ แต่อัตราแห่งการเจริญเติบโตจะแตกต่างกันในตัวเด็กในทัศนะของกีเซลล์ สิ่งแวดล้อมไม่ได้มีอิทธิพลต่อเด็กเป็นสำคัญ แต่วุฒิภาวะทางร่างกายมีความสำคัญมาก และเป็นตัวกำหนดถึงพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กด้วย
สรุปได้ว่า การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยเป็นการส่งเสริมพัฒนาการ ให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงอย่างเป็นรูปธรรม โดยการลงมือจัดกระทำกับวัตถุสิ่งของ และมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆ ตามความสนใจและเหมาะสมกับวัยของเด็ก ทำให้เด็กเกิดทักษะต่าง ๆ เช่น การสังเกต การจำแนก เปรียบเทียบ การลงมือปฏิบัติ เป็นต้น
บทคัดย่อภาคนิพนธ์
หัวข้อภาคนิพนธ์ ความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อการบริหารจัดการศูนย์พัฒนา เด็กเล็กบ้านโนนเมือง ตำบลโนนเมืองพัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อนักศึกษา นางนิภา เติบโต
สาขา การบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
อาจารย์ที่ปรึกษาภาคนิพนธ์ รองศาสตราจารย์ ดร. จิตรี โพธิมามกะ
ปีการศึกษา 2552
บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความพึงพอใจของผู้ปกครอง ที่มีต่อการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโนนเมือง ตำบลโนนเมืองพัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามภูมิหลังของผู้ปกครอง ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ปกครอง จำนวน 108คน ผู้ศึกษาใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.) สถิติทดสอบค่าที (t - test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One – way ANOVA)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโนนเมือง ตำบลโนนเมืองพัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยภาพรวมผู้ปกครอง มีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ลำดับ 1 คือ ด้านหลักสูตร ลำดับที่ 2 คือ ด้านการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากชุมชน ลำดับ 3 คือ ด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม และลำดับสุดท้าย คือ ด้านวิชาการ
2. การทดสอบสมมติฐาน พบว่า ผู้ปกครองที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษาสูงสุด อาชีพ และรายได้ต่างกันมีความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโนนเมือง ตำบลโนนเมืองพัฒนา อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)